“สนุกเกอร์” เป็นกีฬาอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมจากแฟนกีฬาชาวไทยเราไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นกีฬาที่มีคนเล่นมากมายทุกเพศทุกวัย หลายคนชื่นชอบเล่นสนุกเกอร์ เพราะเป็นกีฬาที่เล่นในที่ร่มไม่ต้องออกไปเล่นกลางแจ้งให้ร้อนหรือให้เหงื่อออก กีฬาประเภทนี้ก็มีการจัดแข่งขันกันทั่วโลกมีทั้งรายการเล็ก ไปจนถึงรายการใหญ่ ส่วนในประเทศไทยเราเองก็นั้นมีการจัดแข่งขันให้เห็นกันมากมาย ทั้งในระดับสมัครเล่นไปจนถึงระดับอาชีพ ถึงแม้ว่ากระแสของกีฬาสนุกเกอร์ในไทยจะไม่ได้โด่งดังเท่ากับต่างประเทศ แต่ก็ถือเป็นกีฬาที่อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนานพอสมควร ด้วยที่กีฬาสนุกเกอร์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ใครหลายคนอยากเล่นพนันสนุกเกอร์
กติกาการเล่นสนุกเกอร์
สนุกเกอร์ เป็นกีฬาที่ใช้ไม้คิวในการเล่น โดยเล่นกันบนโต๊ะผ้าสักหลาดที่มีหลุมอยู่ 4 มุมของโต๊ะ ผู้เล่นจะใช้ไม้คิวแทงลูกสีขาว(เท่านั้น) ให้กลิ้งไปกระทบกับลูกสีอื่น ให้ลงหลุมจึงจะได้คะแนน เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจกับลูกสีต่างๆ และคะแนนของแต่ละสี โดยลูกสนุกเกอร์จะมีทั้งหมด 8 สี มีทั้งสิ้น 24 ลูก
- ลูกสีขาว มี 1 ลูก ไม่มีคะแนน เป็นลูกที่ใช้สำหรับแทงให้กระทบลูกสีลงหลุม
- ลูกสีแดง มี 15 ลูก ลูกละ 1 คะแนน
- ลูกสีเหลือง มี 1 ลูก เท่ากับ 2 คะแนน
- ลูกสีเขียว มี 1 ลูก เท่ากับ 3 คะแนน
- ลูกสีน้ำตาลหรือสีช็อค มี 1 ลูก เท่ากับ 4 คะแนน
- ลูกสีน้ำเงิน มี 1 ลูก เท่ากับ 5 คะแนน
- ลูกสีชมพู มี 1 ลูก เท่ากับ 6 คะแนน
- ลูกสีดำ มี 1 ลูก เท่ากับ 8 คะแนน
ในการเล่นเราใช้ไม้คิวแทงลูกให้ได้คะแนน และได้เล่นต่อไปจนกว่าผู้เล่นจะไม่สามารถทำให้ลูกสีลงหลุมได้จึงจะเปลี่ยนให้ผู้เล่นอีกคนได้เล่นบ้าง โดยข้อบังคับในลำดับการเล่นลูกสีต่าง ๆ ดังนี้ เริ่มเล่นจากลูกสีแดงก่อนเป็นลูกแรก หากทำลูกสีแดงลงหลุมจึงมีสิทธิ์เล่นลูกสีอื่น ๆ สีใดก็ได้ตามแต่ผู้เล่นจะเลือก หากเล่นลูกสีอื่นลงหลุมอีกก็กลับมาเล่นลูกสีแดงอีกครั้ง หากสำเร็จอีกก็เล่นลูกสีอื่นอีกครั้ง (เมื่อลูกสีลงหลุม กรรมการจะนำกลับมาตั้งใหม่ที่จุดของลูกนั้น ๆ ยกเว้นลูกสีแดงที่จะไม่นำกลับมาตั้งใหม่)เป็นอย่างนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ จนลูกสีแดงลงหลุมจนหมดทั้ง 15 ลูก จึงเล่นลูกสีอื่น ๆ ตามลำดับดังนี้เหลือง เขียว น้ำตาล น้ำเงิน ชมพู และ ดำ เป็นลูกสุดท้าย (ในช่วงนี้ลูกสีจะไม่นำกลับมาตั้งใหม่ที่จุดอีกแล้ว) เมื่อลูกสีลงหลุมหมดทุกลูกก็จะนับคะแนนรวมของแต่ละฝ่าย ฝ่ายที่ได้คะแนนมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น
ผู้เล่นยังยอมรับการเสียเฟรมได้ในขณะที่จะยกเลิกในเทิร์นของผู้เล่นนั้น ถ้าได้พิจารณาแต้มบนโต๊ะนั้นว่าแต้มไม่เพียงพอที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเป็นธรรมดาในสนุกเกอร์อาชีพแต้มอาจหมายถึง”คะแนน” เมื่อผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ทำฟาวล์ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง เช่น แทงลูกขาวแล้วไปโดนลูกสีก่อนหรือผู้เล่นนั้นพยายามที่จะแทงลูกขาวให้โดนลูกสีแดง และเกิดทำให้ลูกขาวลงหลุมไปด้วยหรือแทงแล้วลูกไม่สามารถที่จะลอดผ่านไปได้เรียกว่า “สนุกเกอร์” (เมื่อลูกขาวของผู้เล่นเจอลูกอุปสรรคแล้วก็ต้องกระทบลูกสีตามที่กติกากำหนดให้โดน โดยการกระทบลูกขาวหลบจากลูกอุปสรรค)คะแนนที่จะได้รับจากการฟาวล์นั้น ขั้นต่ำ 4 คะแนน ถึง 7 คะแนน ถ้าโดนลูกสีดำ
รูปเเบบการเเทงสนุกเกอร์ออนไลน์
1. พนันสนุกเกอร์ แบบ Moneyline คือ ทายผลผู้ชนะไม่มีราคาต่อรอง โดยที่นับจำนวนเฟรมที่ใครชนะมากที่สุดนั่นเอง ราคาค่าน้ำขึ้นอยู่กับว่าระดับฝีมือของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนว่ามีความต่างกันมากน้อยขนาดไหน หากเลือกเดิมพันฝ่ายผู้เข้าแข่งขันที่เก่งกว่าค่าน้ำ (ODD) ก็จะลดน้อยลงมา แต่ถ้าเลือกเดิมพันผู้เข้าแข่งขันที่อ่อนกว่าค่าน้ำ (ODD) ก็จะมากขึ้น ส่วนวิธีการแทงสนุกให้คลิกที่ค่าน้ำที่ต้องการได้เลย
2. พนันสนุกเกอร์ แบบ HDP หรือที่เรียกกันว่า แฮนดิแคพ คือ การเล่นพนันสนุกเกอร์แบบมีราคาต่อรอง เช่น ฝ่ายต่อ ต่อที่ 2.5 แสดงว่า ฝ่ายต่อต้องชนะ ฝ่ายรอง ให้ห่างมากกว่า 3 เฟรมขึ้นไปนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ผู้เข้าแข่งขัน A แข่งกับ ผู้เข้าแข่งขัน B และมีราคาต่อรองอยู่ที่ 2.5 แล้วผลการแข่งขันออกมา ว่าเป็น A ชนะ B ไป 6 : 3 เฟรม ดังนั้น ถ้าคุณเดิมพันที่ฝั่ง A ก็จะได้เงิน เพราะว่าจำนวนเฟรมต่างกันอยู่ 3 เฟรม (จาก 6 – 3 = 3) ซึ่งมากกว่าราคาต่อรองที่เดิมพันไว้ แต่ถ้าเดิมพันฝั่ง B จะเสียตังค์เพราะว่าจำนวนเฟรมที่ B ได้คือ 3 บวกกับราคาต่อรอง 2.5 จะเป็น 5.5 ซึ่งน้อยกว่า A คือ 6 ดังนั้นจึงเสียเงินเดิมพัน
3.พนันสนุกเกอร์ แบบเฉพาะ 1 st Frame (เฉพาะเฟรมแรก) คือ พนันว่าใครจะชนะเฟรมแรก
4.พนันสนุกเกอร์ แบบ O/U หรือ สูง/ต่ำ คือ การพนันว่าแต้มของทั้งคู่รวมกันตอนแข่งเสร็จแล้ว จะมีแต้มสูงกว่าหรือต่ำกว่า ของทางที่เว็บกำหนด
5.พนันสนุกเกอร์ แบบ O/E หรือ คู่/คี่ คือ การพนันว่าแต้มของทั้งคู่รวมกัน ตอนแข่งเสร็จจะมีแต้มรวมกันเป็นเลขคู่ หรือ เลขคี่ นั่นเอง
GIPHY App Key not set. Please check settings